ชาวราศีตุลย์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ตรงข้ามกับชาวราศีเมษ ในขณะที่ชาวเมษต้องพยายามเปลี่ยนแปลงลักษณะที่มุ่งเน้นตัวเองให้เข้ากับผู้อื่นได้มากขึ้น ส่วนชาวราศีตุลย์ก็ต้องพยายามปรับตัวจากความเป็นคนประนีประนอมตามธรรมชาติให้มาเป็นคนที่ใส่ใจตัวเองได้มากขึ้น

เนื่องจากดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอในราศีตุลย์ สิ่งนี้สะท้อนถึงกับดักที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การที่พวกเขาไม่ให้คุณค่าแก่ตัวเองมากพอ บ่อยครั้งที่ชาวราศีตุลย์จะไม่แสดงความโกรธหรือความไม่สบายใจออกมาเพื่อรักษาความสงบสุข แต่หากทำเช่นนั้นมากๆโดยไม่ระวัง จำทำให้อารมณ์ที่ถูกกดทับนี้อาจปะทุขึ้นมา แล้วกลายเป็นความขุ่นเคืองในภายหลัง โดยความขุ่นเคืองนี้อาจแสดงออกมาในลักษณะที่ไม่ดีได้ เพราะธรรมชาติของชาวตุลย์มักมุ่งแต่สิ่งที่ดีๆและทำให้มีความสุข ซึ่งนั่นอาจทำให้พวกเขามองข้ามความรู้สึกที่ไม่สบายใจไปได้ ชาวราศีตุลย์อาจพยายามบรรเทาความขุ่นเคืองด้วยการซ่อนตัวอยู่ในความสุข และความเพลิดเพลิน แทนที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา 

ส่วนอีกหนึ่งจุดบอดของชาวราศีตุลย์คือความใจกว้างของพวกเขาอาจทำต้องมารับภาระกับคนอื่นมากเกินไป เนื่องจากพวกเขาไม่ชอบปฏิเสธ หรือทำให้ใครผิดหวัง ทำให้พวกเขาต้องเหนื่อยอยู่คนเดียวเพราะถูกกระจายออกไปจนหมด สิ่งสำคัญคือชาวราศีตุลย์ควรต้องมีเป็นที่สุด คือควรอนุญาต “ให้ตัวเองได้มีความเห็นแก่ตัวเพื่อรักษาตัวเอง” บ้างในบางครั้ง เพื่อตัวพวกเขาเอง

นอกจากนั้น ความลังเลใจเป็นที่รู้จักกันดีในลักษณะของชาวราศีตุลย์ แม้ว่าจะมาจากความสามารถในการชั่งน้ำหนักทุกด้าน แต่ก็อาจทำให้พวกเขาตัดสินใจลำบากจากความพยายามที่จะเป็นกลาง ทำให้พวกเขาอาจมีปัญหาในการแยกแยะเรื่องต่างๆอยู่บ้าง แต่ก็จำเป็นที่จะต้องยอมรับการเสียสละบางอย่างเพื่อก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นชาวราศีตุลย์ควรเอาความที่อยากเป็นกลางมาปรับใช้ร่วมกับความเป็นธรรมชาติ เพื่อไม่ให้ดูเหมือนกดดันจนเกินไป

สิ่งที่ชาวราศีตุลย์ควรรู้ไว้ก็คือ พวกเขามีคุณค่าในตัวเองอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญกับเพื่อนเพื่อ “ตอบแทน” ความรัก และการสนับสนุนใดๆเลย