ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่าความฝันจะถูกผูกเข้ากับความเชื่อที่ถูกระบุไว้ บ้างก็ว่าความฝันมักจะตีเป็นข้อความจากใครสักคนที่ต้องการนำสารนั้นมาส่งให้เราได้รูปแบบของฝัน บ้างก็ว่าความฝันเป็นจิตใต้สำนึกของเราที่ตีความฝันนั้นและเราสร้างมันขึ้นมาเอง ซึ่งทั้งสองแบบนี้ไม่มีอะไรที่ผิด แต่จริงๆแล้วการตีความฝันจะถูกแบ่งหมวดหมู่ออกเป็น 3 ประเภท คือ แนวทางตีความฝันแบบจิตวิทยา , แนวทางตีความฝันแบบจิตวิญญาณและวัฒนธรรม และ แนวทางตีความฝันแบบยุคสมัยใหม่ 

• ตีความฝันแบบจิตวิทยา : ความฝันนั้นๆอาจจะเกิดจากความต้องการเติมเต็มอะไรบางอย่างของตัวเอง หรือเกิดจากความวิตกกังวลส่วนตัว คิดมาก จึงเก็บมาฝันซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทั้งหนทางการแก้ไขปัญหา , ความต้องการที่จะหลุดพ้นจากปัญหาจนจิตใต้สำนึกสร้างเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้นออกมาเอง 

• ตีความฝันแบบจิตวิญญาณและวัฒนธรรม : อาจจะสื่อถึงลางบอกเหตุหรือข้อความจากสิ่งเหล่านั้นที่ต้องการจะสื่อถึงตัวเรา บางพื้นเมืองเชื่อว่านั่นคือสารจากดวงวิญญาณที่ต้องการจะบอกเรา หรือ บางพื้นเมืองที่นับถือฮินดูก็เชื่อว่าความฝันสามารถบอกเป็นคำทำนายสิ่งที่จะเกิดล่วงหน้าได้ 

• ตีความฝันแบบยุคสมัยใหม่ : ยุคสมัยใหม่มักจะเกิดจากการวิเคราะห์ศาสตร์หลายๆอย่างมารวมกันเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความซับซ้อนของฝัน ซึ่งอาจจะมีทั้งจิตวิทยา ประสาทวิทยา หรือแม้แต่ AI ปัญญาประดิษฐ์ ส่วนใหญ่แล้วการตีความแบบยุคสมัยใหม่มักจะชอบอ้างอิงถึงเหตุและผลของการเกิดขึ้น ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมถึงเกิด